您现在的位置是:DailyThai > ความรู้

【mgm99 big win】'เอส กันตพงศ์' ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลือง ลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไป! | เดลินิวส์

DailyThai2024-12-27 11:00:12【ความรู้】9人已围观

简介ทำเอาหลายคนเป็นห่วงหนักมาก หลังล่าสุดหนุ่มหล่อ เอส กันตพงศ์ พระเอกและพิธีกรมากฝีมือที่มีอาการป่วยโรค mgm99 big win

ทำเอาหลายคนเป็นห่วงหนักมาก หลังล่าสุดหนุ่มหล่อ เอส กันตพงศ์ พระเอกและพิธีกรมากฝีมือที่มีอาการป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน หมดสติหยุดหายใจกว่า 40 นาที ความทรงจำเหลือ 20% ก่อนที่จะหายดีกลับมาลุยงานในวงการในฐานะพิธีกรรายการดัง แต่จู่ๆ อาการป่วยของหนุ่มเอส เกิดกำเริบขึ้นอีกครั้งซึ่งหมอยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยหนุ่มเอส ได้ควงแม่และน้องชาย เผยวินาทีเฉียดความตายของหนุ่มเอส พร้อมทั้งเผยฤกษ์บวช ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

เอส เผยว่า ตัดสินใจที่จะบวชเป็นคนอยากบวชอยู่แล้ว จริงๆ ต้องมีแพลนไปอินเดียเพื่อไปบวชที่อินเดีย แต่เครื่องดันมาทำงานก่อนเลยต้องเข้าโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าไม่ควรจะบินไปต่างประเทศ ไม่ควรอยู่ไกลจากโรงพยาบาลเกินไป ถ้าบวชแล้วมีเหตุการณ์ที่หัวใจเต้นเร็วกว่ากำหนดกำเริบไม่กังวลเลยเพราะคนเราไม่มีใครที่จะมีชีวิตจีรังตลอดไป สมมุติว่าจะต้องเกิดแบบนั้นอีกทีแล้วไม่สามารถมีชีวิตต่อบนโลกนี้ได้ รู้สึกไม่เสียใจถ้าเกิดเหตุขณะที่ยังห่มผ้าเหลือง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติถ้ารวมพารากอนด้วยเป็น 4 ครั้ง ถ้าหัวใจเต้นผิดจังหวะตามที่คุณหมอตั้งไว้เครื่องจะทำงานเลย คุณหมอตั้งไว้ให้ที่ 200 รอบแรก ถ้าหัวใจเต้นถึง 200 เมื่อไหร่เครื่องจะทำงานทันที ซึ่งตามคลิปนั้นจะเป็นการทำงานครั้งแรกของเครื่อง ซึ่งไม่เคยทราบเลยว่าจะทำงานแรงขนาดนี้เจ็บถึงฟันล่างเลย คือพูดออกมาเสียงไม่ชัด คุณหมอตรวจเช็กทุกอย่างเลยหาค่าทำงานผิดปกติ เช่น ทานอาหารอะไรยังไง ใช้ชีวิตยังไง นอนยังไง ไม่มีค่าผิดปกติอะไรเลย ทุกอย่างปกติหมดเลย คุณหมอจะสงสัยประเด็นกรรมพันธุ์ ตอนนั้นคุณแม่ก็ตกใจไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ แต่มันก็นานนะเกือบปีถึงจะเกิดขึ้น ความต่างคือรอบที่สองที่เกิดขึ้นความห่างเดือนเดียว รอบแรกที่เกิดขึ้นอยู่โรงพยาบาลแค่ 2 วัน แล้วก็มาทำรายการเราเลย ครั้งที่ 2 ห่างแค่เดือนเดียว คุณหมอบอกว่ามันใกล้กันเกินไป พอมันเกิดการทำงานครั้งแรกคุณหมอบอกว่าลองดูมันจะนานขนาดไหน คุณหมอคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแต่นี่ไม่ถึงเดือนดันเกิดขึ้นอีกซึ่งมันใกล้เกินไปไม่ควรจะมี คุณหมอบอกว่าภายใน 3 เดือนไม่ควรเกิดขึ้นอีกแต่นี่มาเกิดขึ้นห่างกันเดือนเดียว

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

ครั้งที่ 2 นี่รักษาตัว 10 วัน ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในหมู่บ้านยืนอยู่เฉยๆ ยังไม่ทันได้ทำอะไรแล้วอยู่ๆ เครื่องก็ทำงาน พอทำงานก็ไปโรงพยาบาลไปที่ ICU ก่อน คุณหมอก็ตรวจเช็กทุกอย่างไม่มีค่าการทำงานใดๆ ผิดปกติเลย เช็กประวัติด้วยทุกอย่างก็ไม่มีการทำงานอะไรผิดปกติ คุณหมอก็เลยส่งขึ้นไป CCU ผมหมดสติใน CCU จำอะไรไม่ได้ ตอนนั้นคือหมดสติแล้วด้วย ผมไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าโดนแปะ 6 จุด รู้สึกตัวคือตอนที่เครื่องทำงานเพราะมันแรงกว่าเครื่องนี้ แม่บอกเอสเครื่องเสียงดังเลย ก็จะเหมือนเหตุการณ์รอบแรกเลยที่พารากอนกว่าจะถึงโรงพยาบาลอันตรายแบบนั้นเลย รอบสองโชคดีที่อยู่ CCU ยิ่งเครื่องมันทำบ่อยหัวใจจะยิ่งเสียหาย ไม่ดี ข้อมูลเหล่านี้ผมไปเสิร์ชไปหามาด้วยนะว่าทำยังไง แล้วคุณหมอเขาก็มีให้ดูข้อมูลว่าไซด์เอฟเฟกต์จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นเลยนะแค่คุณหมอเขาแจงให้ฟังมี 7 ข้อ ข้อ 1-6 จำไม่ได้เท่าไหร่ จำข้อ 7 ได้อย่างเดียวคืออาจจะเสียชีวิตระหว่างทำ ก็เลยถามผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือแล้วก็ถามคุณหมอที่รู้จักหลายๆ คนช่วยอ่านอันนี้ให้ผมหน่อย ข้อ 7 อัตราการเสี่ยงเกิดขึ้นได้มั้ย หลายท่านตอบตรงกันว่าเกิดขึ้นได้แต่ 0.111% น้อยมาก ถ้าเทียบแล้วควรทำดีกว่า ข้อ 7 เกิดขึ้นได้ยาก ทำไปแล้วตอนอยู่โรงพยาบาลรอบล่าสุดนี้เลย

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

เอส เผยต่อว่า วิธีการรักษาครั้งนี้ ถ้าในช่วงแรกคุณหมอเขาจะแจ้งไว้อยู่แล้วว่ามันจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างแต่ก็ไม่ได้เครียดแต่มันมีจริงคือ เบลอๆ พูดเสียงไม่ชัด มึน ง่วงไวขึ้น แต่คุณหมอบอกว่าไม่ได้มีอะไรอันตราย แต่กลับมาเป็นปกติหลังจากทำ 3-4 วัน อีกอันที่คุณหมอบอกคืออาจจะมีแผลใหม่เกิดขึ้นได้อีกซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยว่าแผล 6 จุดนี้หายไปแล้ว 5 เหลือ 1 แล้วจะมีจุดที่ 7 ที่ 8 ขึ้นมาหรือเปล่า อันนี้คาดเดาไม่ได้ แผลที่เกิดขึ้นที่หัวใจคุณหมอให้น้ำหนักไปที่กรรมพันธุ์ คุยกับคุณหมอว่ามีการใช้ชีวิตแบบไหนที่ไปกระตุ้นให้กรรมพันธุ์ทำงานหรือเปล่า ณ ตอนนี้คุณหมอบอกว่าไม่มี มันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ กำหนดการที่จะบวชคือ 28 ธันวาคม นี้ วัดธรรมมงคล ไปหาหลวงพ่อวิริยังค์ตั้งแต่ตอนยังอยู่มหาวิทยาลัยแล้วก็มีโอกาสได้พบท่านก่อนท่านมรณภาพ แล้วก็ไปเป็นผู้ช่วยงานของวัดซึ่งผมจำไม่ได้เลย ตอนที่เกิดเหตุกับผมก็ทราบว่าวัดธรรมมงคลครูบามัดท่านนิมนต์พระภิกษุ สามเณร เป็นร้อยกว่ารูปมาทำพิธีให้ผมตอนเกิดเหตุครั้งแรกที่พารากอน ก็เลยเป็นการตอบว่าทำไมผมถึงเลือกบวชที่วัดธรรมมงคลเพราะว่าตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่เคยป่วยเป็นไมเกรน ตอนนั้นก็จะมีท่านพระพุทธทาสภิกขุแล้วก็จะมีหลวงพ่อวิริยังค์ที่ผมศึกษาคำสอนของท่านเยอะเลย แล้วรู้สึกว่าเราหายจากโรคที่เราเคยเป็นก็เพราะท่าน ตั้งแต่ก่อนป่วยผมไปปวารณาตนไว้ขอเป็นโยมผู้อุปัฏฐากวัดธรรมมงคล ตอนหายป่วยก็จำไม่ได้แต่รุ่นพี่ส่งมาให้ดูว่าจำได้มั้ยว่าเอสเคยปวารณาตนไว้ก็เลยต้องเป็นวัดธรรมมงคลเหมาะสมที่สุดที่เคยพูดบวชตลอดชีวิตอันนั้นเป็นความชอบตั้งแต่เด็กเลยตั้งแต่ก่อนเข้าวงการด้วยซ้ำจะศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้ ผมเป็นคนรู้สึกว่าโลกมนุษย์ไม่เห็นมีความสุขอะไรเลยแบบเที่ยงแท้อะไรซักอย่าง บวชครั้งนี้ข้างต้นคือให้คุณแม่ก่อน 15 วัน ให้คุณแม่สบายใจก่อน

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

เอ็ม น้องชาย เล่าด้วยว่า วันนั้นคุณแม่อยู่ในเหตุการณ์พอดี วันนั้นผมตามไปหลังจากที่คุณแม่เล่าเครื่องเขาทำงานที่สนามแบดก่อน พอไปถึงโรงพยาบาลก็ไปเช็กที่แผนก ICU ตอนนั้นค่าร่างกายเขาปกติแล้ว พอขึ้นไปแผนก CCU ด้วยความที่คุณหมอเขาตั้งค่าเครื่องกระตุกหัวใจไว้ที่ 200 คือถ้าหัวใจเต้น 200 มันจะทำงานแต่ว่าตอนขึ้นไป CCU มันเต้นอยู่ที่ประมาณ 170-180 แล้วเครื่องไม่ทำงาน คุณหมอเลยต้องเอาอุปกรณ์เครื่องแปะหัวใจแล้วกระตุกมือเพื่อให้กระตุ้นหัวใจทำงาน ตอนนั้นร่างกายเขาเริ่มหมดสติแล้ว ตาเขาเริ่มเบลอ ตาเขาเริ่มลอย คุณหมอบอกว่ามันสามารถช่วยเรากระตุ้นจะเป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้าเครื่องนี้ไม่ทำงานเลย จากที่คุณหมอบอกจะถอยหลังเดือนละ 1% เหมือนแบตเตอรี่มือถือซึ่งไม่สามารถชาร์จได้ แต่พอเครื่องกระตุกเขาทำงานไปประมาณ 3-4 ครั้งแล้วมันก็จะลงครั้งละประมาณ 4% แบตเตอรี่จะถอยหลังลงเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งแรกคุณแม่โทรฯ มาบอกผม ผมอยู่บ้าน ผมฟังครั้งแรกพี่เอสหัวใจวายตอนนี้ยังปั๊มหัวใจไม่ขึ้นไม่มีสติ ผมบอกว่าอะไรนะครับแม่พูดอีกทีนึง มันได้ยินครบทุกอย่างแต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สมองมันไม่สั่งการ ผมเป็นห่วงคุณแม่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่หนักที่สุด พี่ชายผมอายุไม่ได้เยอะ แล้วเขาก็เป็นคนดูแลสุขภาพดีมากๆ ถ้าเทียบกับผม พอมีเครื่องก็เบาใจในระดับนึงแต่ว่ามันก็จะมีเหตุการณ์อะไรที่เหตการณ์เขาเป็นอย่างนี้ๆ ตอนแรกคิดว่าเรื่องมันจะประมาณนี้แต่ก็ไปต่อเรื่อย ก็เลยวางใจไม่ได้ข้อมูลทางการแพทย์เขาเรียกว่า Cardioinsight มันเป็นศัพท์ทางการแพทย์ คือไปหาว่าจุดบกพร่องของหัวใจอยู่ตรงไหน

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

เท่าที่คุณหมอเขาถ่ายทอดมาเขาบอกว่ามันจะมีจุดแปะๆ ไว้เหมือนเป็นการมาร์คจุดเพื่อให้เหมือนทำเป็นภาพสามมิติขึ้นมา พอทำแล้วหัวใจพี่ชายผมเขาจะขึ้นมาเป็นรูปสามมิติ แล้วคุณหมอเขาจะมองเห็นจุดได้ง่ายว่าจุดไหนมีปัญหาไม่มีปัญหาตามสีของรูปหัวใจ มันก็ต้องเอามาประกอบกับการทำ CT Scan เพื่อที่เอาสองตัวนี้มาประกอบกันว่าจุดไหนมีปัญหาเพื่อให้มันใกล้เคียงจริงที่สุดเพราะว่าตอนที่จะทำการผ่าตัดจะได้พร้อมและใกล้เคียงจริงที่สุด อาจจะเป็นอะไรที่ละเอียดนิดนึง ก่อนหน้านี้มีการทำ MRI เขามีแผลที่หัวใจ 6 จุด ซึ่งอันนี้เป็นความรู้ใหม่ที่มันเกิดขึ้นระหว่างทางเรื่อยๆ ตอนแรกก็สับสนกันอยู่ว่าทำไมมันถึงเป็นเยอะและรุนแรงขนาดนี้ : ขออธิบายเพิ่ม พอทำตัว Cardioinsight Mapping และทำ CT Scan ด้วยความที่เขามีแผลที่หัวใจ 6 จุด แต่จุดที่เป็นปัญหาจะเป็นช่องล่างหัวใจที่เกิดจากกรรมพันธุ์เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาต้องเช็กคลื่นนำไฟฟ้าหัวใจเขาแล้วก็ใช้คลื่นวิทยุจี้ออก อาการที่เขาเบลอและเจ็บคอเพราะต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่างมากทั้งสอดไปที่ขา ใต้ลิ้นปี่ วางยาสลบด้วยก็จะมีทำให้เบลอ

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

เอ็ม เล่าว่า ตอนแรกเข้าใจว่าควรจะต้องรักษาทั้ง 6 จุดแต่ว่าการที่ทำไมถึงต้องทำหลายอย่างทั้ง MRI, Cardioinsight, CT Scan เพราะว่าสุดท้ายแล้วพอสอดเข้าไปดูจริงๆ มันอาจจะเป็นอีกแบบนึง พอสอดเข้าไปคุณหมอจะต้องใช้ตัวกระตุ้นหัวใจให้หัวใจเต้นทำงานผิดปกติเหมือนที่เขามีปัญหาจริงๆ เพื่อจะได้ดูจุดนี้ๆ มันมีปัญหาเหมือนที่ดูข้างนอกมั้ย พอลองกระตุ้นดูแล้วเขามีปัญหาแค่จุดเดียวซึ่งเป็นทั้งด้านในและด้านนอกหัวใจก็เลยทำแค่จุดเดียวจุดอื่นก็เหมือนกับแผลภายนอกที่มันหายไปแล้ว ด้วยความที่อาการเขาเกิดจากพันธุกรรม การจี้หัวใจก็เหมือนกับการรักษาที่ปลายเหตุส่วนหนึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด แต่ว่าการที่เขาเป็นแผลที่หัวใจเท่าที่ผมฟังจากคุณหมอ พอพันธุกรรมมันทำงานผิดปกติอะไรบางอย่างหัวใจเขาดันไปสร้างอะไรขึ้นมาจนมันกลายเป็นเหมือนแผลเพราะฉะนั้นมันจะไปขวางการไหลเวียนของหัวใจหรือคลื่นไฟฟ้าทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ อย่างของคุณแม่เขามีอาการเต้นช้าแต่ว่าผิดจังหวะเหมือนกันของพี่ชายเต้นเร็ว หลักๆ ก็คือต้องดูแลโดยรวมอย่างที่พี่ชายบอก เรื่องความเครียด อย่าออกกำลังกายหนักเกินไป พักผ่อนให้เป็นเวลา เพราะว่าพันธุกรรมถ้าจะรักษาได้ต้องรอเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ เท่าที่ทราบก็คือ ณ ตอนนี้คุณหมอที่รักษาพี่เอสบอกว่าในไทยมีประมาณ 2 คน อายุน้อยกว่าพี่เอสไม่ถึง 20 ปี แล้วก็เป็นพี่ชายผมที่มีอาการพันธุกรรมนี้เหมือนกันเลย

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

แม่ เผยว่า คุณหมอเขาใช้ AED แบบแปะแล้วช็อกเลย เพราะเขาเริ่มหมดสติแล้ว ตาลอยแล้ว คุณหมอบอกว่าถ้าปล่อยอีกเดี๋ยวหมดสติอีกจะมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง คุณหมอเลยต้องช็อกเลย กังวลเพราะเห็นเขาตาลอย ตัวเขานิ่มเย็นไปหมด ตอนนั้นเขาก็พูดไม่รู้เรื่องแล้ว คุณหมอเขาก็ให้ยาแล้วก็พักผ่อน เราก็กังวลเพราะว่ากลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก ไม่น่าจะรอดเลย เขาหมดสติแน่ถ้าคุณหมอเขาไม่เอาเครื่องช็อกมาแปะเราคิดว่าเพราะเครื่องทำไปครั้งแรกหัวใจเต้น 200 เครื่องมันช็อกไปแล้ว ทีนี้พอครั้งที่ 2 กำลังจะเกิดขึ้นอีกคิดว่ามันถี่แล้วร่างกายมันอ่อนแอเกินไป ไม่ไหวแล้วเขาจะหมดสติแล้ว เครื่องมันก็เลยไม่ทำงานเพราะเครื่องไม่ขึ้น 200 ซักที ตอนเอสถูกปั๊มขึ้นมาตอนแรกไม่ทราบว่าเขาทำอะไรเพราะเขาเพิ่งเข็นขึ้นมาแป๊บเดียวเอง ซักพักก็เห็นพยาบาลวิ่งเข้ามาแล้วร้องดังมากแล้วก็วิ่งเข้าไปว่าเป็นอะไร คุณหมอก็บอกว่าหมดสติ ใจไม่ดีแล้ว ขนาดตอนนี้อยู่โรงพยาบาลนะแล้วถ้าไปอยู่ข้างนอกจะเป็นยังไง เราก็เหมือนกังวลไปหมดเลย ไปไหนก็ต้องตามตลอดเวลา อีกใจนึงอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อีกใจนึงก็อย่าให้มันเกิดไวนักเลย เราก็รักษาให้ดีที่สุด ถ้าเรารักษาดีที่สุดแล้วมันยังเกิดขึ้นก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องทำใจตามนั้น แต่เราเชื่อในมือคุณหมอว่าคุณหมอเก่ง พอทำตรงนี้ไป 80-90% คุณหมอบอกว่าโอเค น่าจะช่วยได้เยอะเลย ทำจี้ไฟฟ้าไป โมเมนต์เรากลัวที่สุดคือครั้งแรกที่หมดสติที่พารากอนอันนั้นกลัวที่สุด พอมาครั้งที่ 2 ที่ 3 เราเหมือนว่าเราตั้งหลักเพราะเห็นว่ามีเครื่องก็ไว้ใจระดับนึง แต่พอมันเป็นถี่ๆ ก็เริ่มไม่ไว้ใจแล้ว ก็เลยต้องทำจี้ไฟฟ้า ตอนนี้ที่ห่วงที่สุดคือจี้ไปแล้วเครื่องมันจะช็อกอีกแค่นั้นเอง เป็นห่วงเรื่องเรื่องเครียด เวลาเขาทำอะไรเขาทำจริงจัง คิดเยอะแล้วเขาจะวางแผนเรื่องงานก็ห่วงเขาแค่เรื่องนั้น ที่บ้านนับถือหลวงพ่อโสธรมาก 2 คนนี้ขอหลวงพ่อโสธรตั้งแต่ก่อนที่จะเกิด ดีที่สุดก็คือบนให้หลวงพ่อโสธร ถ้าเขาหายดีกลับมาเป็นปกติได้หรือจะกลับมายังไงก็ได้เราจะบวชให้หลวงพ่อโสธร 15 วัน แม่บนไว้แบบนี้

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

ขอบคุณภาพประกอบจาก : คุยแซ่บShow

เอสกันตพงศ์ไม่เสียใจหากอาการกำเริบขณะห่มผ้าเหลืองลั่นชีวิตไม่จีรังตลอดไปเดลินิวส์

很赞哦!(92)

相关文章

站长推荐